ACME เป็นแบรนด์อุปกรณ์เครื่องดื่มจากประเทศนิวซีแลนด์ที่เกิดจากคอกาแฟที่อยากทำแก้วที่ตอบโจทย์คนรักกาแฟจริงๆ ด้วยความเข้าใจอินไซต์นั้นเองทำให้ ACME ออกแบบทุกอย่างแบบ in detail ทั้งเรื่องหูจับ ความกว้างของปากแก้ว ความหนาของแก้ว จึงไม่แปลกใจที่ ACME จะถูกใช้เสิร์ฟให้กรรมการในการแข่งขันระดับโลกหลายรายการ แม้ ACME จะเกิดขึ้นจากความตั้งใจออกแบบแก้วกาแฟ แต่ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย เหนือกาลเวลา แถมยังมีสีสันหลากหลาย เหมาะกับทุกโอกาส ACME จึงเป็นอีกแบรนด์ที่ทั้งคนรักการแต่งบ้านและคอเครื่องดื่มหลากหลายประเภทหลงรัก พวกเราชาว Yellow Stuff จึงอยากพาทุกคนไปส่อง 5 ไอเดียแมตช์ ACME กับโอกาสต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่เมนูกาแฟกัน! —-------- ACME กับเมนูชาในวันสบายๆ รูปทรงที่สวยงาม มีให้เลือกหลากสีสัน แมตช์ได้กับประเภทของชาในแต่ละวัน ทำให้แก้วทุกรุ่นของ ACME ปรับใช้กับเครื่องดื่มได้หลากหลายแนว โดยเฉพาะกับเพื่อนบ้านอย่าง ‘ชา’ ที่ไม่ว่าจะใส่ชาเขียว ชาดำ หรือชาประเภทไหน ก็ตอบโจทย์ @timberyarduk @siftersespresso คอชาหลายคนเลือกใช้แก้วของ ACME รุ่น Flat white ซึ่งจุได้ 150 ml กับเมนูชานม ชาเอิร์ลเกรย์ บางคนเลือกใช้ Demitasse ที่จุได้ 70 ml กับชาจีนที่เหมาะกับการจิบทั้งวัน แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากแก้วกาแฟที่ปรับใช้กับชาได้แล้ว ACME ยังมีแก้วสำหรับชาโดยเฉพาะอย่างรุ่น Bibby Tea Cup ซึ่งเป็นพอร์ซเลนผนังบางที่ด้านล่างมีขนาดเล็กเพื่อกักเก็บอุณหภูมิ ส่วนด้านบนกว้างและบางเพื่อให้ชาอุ่นขึ้นพร้อมจิบ —-------- ACME กับสีสันในวันปาร์ตี้ ไวบ์ทรงงานหนักฉบับกาแฟ ACME ก็ทำได้ ไวบ์สบายจิตสบายใจแบบชา ACME ก็เอาอยู่ แต่ว่าเจ้า ACME ทุกรุ่นนั้นใช้เป็นแก้วไวน์ได้ด้วยนะ โดยเฉพาะ ACME Tajimi ขนาด 300 ml ที่ทำร่วมกับโรงงานเซรามิกอายุกว่า 100 ปีอย่าง Maruasa ในเมือง Tajimi ประเทศญี่ปุ่น ที่นอกจากจะเหมาะกับการดื่มกาแฟฟิลเตอร์และชาแล้ว ก็ยังเหมาะกับการจิบไวน์สุดๆ ด้วยวัสดุดินเผาที่รักษาอุณหภูมิเครื่องดื่มได้ดี ทั้งทรงยังโค้งเข้า ช่วยกักเก็บกลิ่นของไวน์ไว้อยู่หมัด งานนี้มีให้เลือก 3 สี ทั้ง Feijoa (เขียว), Kokako (น้ำเงิน) และ Milk (ขาว) เหมาะกับทั้งไวน์แดง...
Continue reading →
ใครมีอุปกรณ์กาแฟเต็มบ้านแต่ไม่รู้จะจัดสเตชั่นหรือบาร์กาแฟของตัวเองในรูปแบบไหนดี? พวกเราชาว Yellow Stuff รวบรวม 9 ทริคการจัดบาร์กาแฟให้เรียบเท่ อบอุ่นและแสดงตัวตนของเพื่อนๆ ไว้ที่โพสต์นี้ เพราะเชื่อว่า ‘กาแฟ’ ไม่ใช่เพียงเครื่องดื่มชูกำลังที่ปลุกให้เรามีพลังทำงานทั้งวันทั้งคืนเท่านั้น แต่ยังหมายถึงไลฟ์สไตล์ งานอดิเรกที่หลงใหล และแม้กระทั่งความหมายของชีวิต แน่นอนว่า นอกจากไอเดียการจัดบาร์ที่เรารวบรวมมาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้บาร์ของเราดูดีมีสไตล์คือการเลือกสรรอุปกรณ์กาแฟที่ไม่เพียงฟังก์ชั่นเด็ด แต่ดีไซน์ยังต้องโดนใจ วางตรงไหนของบ้านก็ไม่เขิน ไม่ว่าจะอุปกรณ์กาแฟจาก Fellow ที่ออกแบบมาเพื่อแก้เพนพอยต์เรื่องดีไซน์ให้กับคอกาแฟ แก้วใบโปรดจาก Acme ที่สวยงาม แถมยังนำไปใช้เป็นแก้วชาหรือโกโก้ได้ด้วย หรือจะเป็น MiiR แบรนด์อุปกรณ์เครื่องดื่มที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและจริงจังกับเรื่องฟังก์ชั่น นอกจากนี้ ยังมีอีกสารพัดแบรนด์ที่ Yellow Stuff คัดสรรมาแล้วว่าเด็ด เพื่อทำให้การชงกาแฟที่บ้านของสาย Homebrew แฮปปี้ที่สุด ถ้าใครสนใจก็เข้าไปส่องกันได้ที่ : https://bit.ly/40tjp02 ว่าแต่ไอเดียดีๆ ที่เรารวบรวมมานั้นจะมีอะไรบ้าง เตรียมจดเอาไว้ได้เลยยย —----------- ดูมินิมอลด้วยการจัดแบบโมโนโทน ก่อนเริ่มจัดบาร์กาแฟมุมโปรด อาจเริ่มจากสำรวจความชอบของตัวเองว่าชอบบาร์กาแฟแนวไหน จะมินิมอล เรียบเท่ หรือสดใสดูมีชีวิตชีวา ถ้าไม่แน่ใจว่าสไตล์ที่แท้จริงของตัวเองนั้นคืออะไร การเริ่มต้นจัดมุมกาแฟด้วยการเลือกใช้สีเพียงสีเดียว ก็ช่วยให้จัดมุมนั้นๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังเพิ่มความมินิมอลให้กับพื้นที่บ้านได้อีก แต่แต่แต่! อุปกรณ์กาแฟที่จัดวางก็ควรมีหลากหลายประเภทเพื่อไม่ให้มุมนั้นๆ ดูเรียบจนเกินไป ภาพ @pbrewinghouse ภาพ @cloudsheck —----------- เรียบเท่ด้วยคู่สีดำและสีไม้ ภาพ @jsuriadihalim อุปกรณ์กาแฟส่วนใหญ่มักเป็นสีดำซะมาก เพราะไม่เพียงเรียบง่าย แต่ยังให้ลุคเท่ได้ในเวลาเดียวกัน เชื่อว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ที่หลงรักการชงกาแฟดื่มเองที่บ้านยามเช้า ก็น่าจะมีอุปกรณ์กาแฟสีดำกันอยู่บ้าง เจ้าอุปกรณ์สีดำนี้จะดูเด่นขึ้นหากอยู่ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์สีไม้ และพื้นผนังสีอ่อน เพียงนำอุปกรณ์กาแฟเหล่านั้นไปจัดวางบนโต๊ะไม้สักตัวหรือเคาน์เตอร์ท็อปไม้ในครัว ก็ช่วยให้มุมกาแฟมุมนั้นคอมพลีตไปได้เกือบ 100% ภาพ @moodandscene —----------- เพิ่มสีสันให้กับบาร์สุดโปรด จริงอยู่ที่การเลือกให้บาร์กาแฟมีเพียง 1-2 สีจะทำให้ภาพรวมดูเรียบง่าย และดูไม่รกมากจนเกินไป แต่อย่าลืมว่าความสนุกของการจัดบาร์กาแฟที่บ้านคือการที่เราได้แสดงตัวตนอย่างเต็มที่ การเลือกเพิ่มสีสันให้บาร์อีกสัก 2-3 สีจึงอาจช่วยให้การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ของเราเต็มไปด้วยความสดใสและความมีชีวิตชีวา...
Continue reading →
ในวันที่คอนเทนต์กาแฟมีให้เราเลือกเสพสาระและความสนุกแบบไม่ซ้ำ สำหรับเราแล้ว คอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ของครีเอเตอร์ชาวจังหวัดตราดอย่าง ‘อาร์ม-พิชิต ศิริรัตนบุญชัย’ หรือ @Pichit89 จัดว่าโดดเด่น แล้วก็ทำงานกับคนที่คลิกดูแบบเราได้ดีสุดๆ เพราะถ้าไม่นับว่าดูแล้วอยากจะครอบครองอุปกรณ์กาแฟดีไซน์สวยๆ ตามเจ้าตัวละก็ ความที่ทุกคลิปมาพร้อมกับสีเขียวๆ ของต้นไม้ใบหญ้าและผืนน้ำเบื้องหลัง บวกกับมูฟเมนต์ของอาร์ม ไม่ว่าจะเป็นการชงกาแฟ ปิ้งแซนวิช หุงข้าวผัดหมูกระเทียม หรือกระทั่งปิ้งหมูกระทะ และไก่สองตัวที่นอนเฉยๆ ก็ขโมยซีนเจ้าของแอคเคานต์ ดูคลิปไหนก็เพลินตาและฮีลใจ และหลายต่อหลายครั้ง (หรือจริงๆ ก็แทบทุกครั้ง) ก็ทำให้คนในเมืองที่แสนวุ่นวายแบบเราอยากจะมีโมเมนต์รื่นรมย์แบบเจ้าตัวดูบ้าง ถ้าอัลกอริทึมยังไม่จิ้มคลิปของอาร์มมาโชว์ให้คุณดู ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง ติดตามเขาตั้งแต่วันนี้ ไม่สายเกินไปแน่นอน ส่วนใครที่ติดตามอาร์มกันอยู่แล้ว (หรืออาจจะเคยเอฟของตามมาแล้ว) วันนี้เรามาทำความรู้จักเพื่อนของ Yellow stuff คนนี้ให้มากขึ้น ผ่านบทสนทนาด้านล่างนี้กัน กว่าจะอินกับกาแฟแบบวันนี้ แก้วแรกในความทรงจำของคุณเป็นกาแฟแบบไหน ครั้งแรกที่ได้กินกาแฟคือตอนเด็กๆ เลยครับ เป็นกาแฟที่พ่อซื้อมาแบบใส่ถุงมัดยาง แล้วผมก็เป็นเด็กที่ชอบลองไปชิมของคนอื่น ก็รู้สึกว่ามันก็อร่อยดีนะ แต่พอเราเป็นเด็ก น่าจะเหมือนที่ทุกคนเคยเจอ พ่อแม่ ผู้ใหญ่เขาจะชอบบอกเราว่า เป็นเด็กกินกาแฟมันไม่ดีนะ ทีนี้ก็กลายเป็นความรู้สึกที่ฝังใจเรามา พอโตขึ้น ผมก็ไม่ได้อะไรกับกาแฟมาก แต่มีช่วงหนึ่งที่ผมชอบปั่นจักรยานมากๆ ชอบอ่านบทความในเพจ Ducking Tiger แล้วเจอบทความพูดถึงช็อตกาแฟ อะไรคือ Perfect Shot พอได้อ่านได้เห็นรูป ผมรู้สึกว่ากาแฟแบบนี้หน้าตามันแปลกใหม่ดี แก้วกาแฟก็สวย กินแล้วทำให้เรามีแรงปั่นจักรยานไปด้วย ก็เลยเริ่มศึกษา หาบทความอื่นๆ มาอ่าน ลงลึกกับมันไปเรื่อยๆ แล้วอะไรนำทางให้คุณอยากซื้ออุปกรณ์กาแฟเข้าบ้าน ผมชอบดูช่องยูทูปรีวิวอุปกรณ์ของคนต่างชาติคนหนึ่ง คือเราก็ไถของเราไปเรื่อย แล้วก็ลองเสิร์ชดูอุปกรณ์เล่นๆ ก็เจอเครื่องชงยี่ห้อ Gaggia ลดราคาวันแม่พอดี ก็โดนเลยครับ เครื่องแรกเป็นเครื่องชงไฟฟ้า ในใจตอนนั้นคืออยากลองทำลาเต้อาร์ตด้วยนะ จำแก้วแรงที่ชงเองได้ไหม ประสบการณ์ตอนนั้นมันเป็นยังไง ตอนนั้นผมยังไม่รู้เรื่องเลยว่า เราต้องบดกาแฟละเอียดขนาดไหน ซึ่งถุงกาแฟที่ร้านเขาแถมมาให้เป็นกาแฟบดสำหรับดริป ไม่ใช่สำหรับเอสเพรสโซ ใส่เข้าไปปั๊บ น้ำพุ่งเลยครับ เราก็สงสัยละว่าเราทำอะไรผิด ก็ไปศึกษาเพิ่มจนได้รู้ว่า กาแฟเราใช้เบอร์บดแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องบดให้ละเอียดขึ้น ทีนี้ เครื่องบดก็งอกเลยครับ แล้วอุปกรณ์ก็งอกยาวมาจนถึงทุกวันนี้ (หัวเราะ) เดาว่าคุณน่าจะเอนจอยกับการซื้อของ คุณมีวิธีเลือกอุปกรณ์ของแต่ละชิ้นยังไง เมื่อก่อนผมก็ดูจากอินฟลูเอนเซอร์เลยครับ ชอบดูรีวิว เขาใช้แล้วดีไม่ดี คือให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่น หรือบางตัวที่ผ่านตาในโซเชียล ถ้าเห็นแล้วชอบก็ซื้อ บางอย่างซื้อมาใช้ได้ไม่กี่ทีแล้วพังเลยก็มี ตัวแบรนด์ก็มีส่วนเหมือนกัน แต่ผมจะไม่ได้มีแบรนด์ไหนที่ผมชอบเป็นพิเศษนะ เพราะว่าแต่ละแบรนด์เขามีจุดเด่นต่างกัน เครื่องบดเป็นแบรนด์นี้ เครื่องชงก็ต้องเป็นอีกแบรนด์หนึ่ง แต่ถ้าเป็นกาดริปกาแฟ ผมชอบของ Fellow ครับ (Fellow Stagg Stovteop Kettle) เป็นตัวที่ใช้งานบ่อยมากๆ ...
Continue reading →
เมื่อนึกถึงแบรนด์อุปกรณ์กาแฟที่โดดเด่นเรื่องนวัตกรรมและดีไซน์ที่เรียบเท่ เชื่อว่าชื่อของ Fellow แบรนด์อุปกรณ์กาแฟจาก San Franciso น่าจะเป็นหนึ่งในแบรนด์ในใจของใครหลายคน ไม่ว่าจะไปคาเฟ่ไหนๆ หรือส่องโซเชียลของใคร เราจะต้องได้เห็นอุปกรณ์ของ Fellow สักครั้ง จะเป็นดาราเด่นอย่างกาต้มน้ำไฟฟ้าอย่าง Stagg EKG เจ้าเครื่องบดพลังล้นอย่าง Ode Brew Grinder เครื่องชั่งอัจฉริยะอย่าง Tally Pro ไปจนถึงแก้วน้ำพกพาที่พบเห็นได้ทั่วไปอย่าง Fellow Carter ฯลฯ จากวันแรกที่ต้องการสร้างอุปกรณ์กาแฟที่ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังแก้เพนพอยต์ของคนรักกาแฟได้ทุกมิติ สู่วันที่ Fellow โดยนักเรียน MBA อย่าง Jake Miller เดินทางสู่ปีที่ 10 พวกเราชาว Yellow Stuff อยากพาทุกคนไปทำความรู้จักเพื่อนยากของคอกาแฟกันแบบลงลึก แต่รับรองว่าสนุก และหลายเรื่องก็อาจไม่เคยรู้มาก่อน! Fellow เกิดจากโปรเจกต์ในคลาสเรียน MBA ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 ผู้ก่อตั้ง Fellow อย่าง Jake Miller ขณะนั้นกำลังเรียนปริญญาโทด้าน MBA อยู่ที่ Stanford Graduate School of Business หนึ่งในคลาสเรียนสำคัญที่ทำให้วงการกาแฟได้รู้จัก Fellow คือคลาสเรียนที่ชวนให้นักเรียนได้พัฒนาไอเดียไปเป็นธุรกิจ Jake ลงมือทำโปรเจกต์นั้นโดยตั้งต้นจากความหลงใหลกาแฟและการออกแบบ เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์กาแฟที่เหมือนยกประสบการณ์การดื่มกาแฟตามร้านกาแฟดีๆ มาไว้ที่บ้าน Duo Coffee Steeper สินค้าตัวแรกที่มียอดจองล่วงหน้า 200,000 เหรียญสหรัฐใน 30 วัน แต่เดิม Jake ชงกาแฟที่บ้าน 2 วิธีด้วยกัน นั่นคือ French Press และ Pour Over เพนพอยต์ของเขาคือการชงกาแฟแบบ French Press นั้นสกัดกาแฟได้ดีกว่า ด้วยผงกาแฟที่ถูกแช่ไว้ทั้งหมด แต่กาแฟที่ได้มักจะขุ่นเพราะมีผงกาแฟปะปนออกมา ส่วนกาแฟจากการชงด้วยวิธี Pour Over นั้นได้กาแฟที่สีสวยงามกว่า แต่ด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อน หลายครั้งจึงสกัดกาแฟออกมาได้ไม่เต็มที่ จากความตั้งใจนั้น Jake ใช้เวลากว่า 8 เดือนพัฒนาโปรโตไทป์ของ Duo Coffee Steeper หรืออุปกรณ์ที่หน้าตาคล้ายเครื่อง French Press แต่รวมข้อดีของการชงทั้ง 2 อย่างมาไว้ในเครื่องเดียว นั่นคือ ข้อแรก–ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย และข้อสอง–ได้กาแฟรสชาติเยี่ยม ใสสะอาด เหมือนบาริสต้าระดับเทพตามคาเฟ่มาชงให้ เมื่อตั้งเป้าหมายและพร้อมพุ่งชง...
Continue reading →
คุยกับผู้ชนะจากการแข่งขัน Thailand National Brewers Cup Championship 2024 ตัวแทนประเทศไทยที่ต้องไปแข่งเป็นที่หนึ่งของโลกที่เวทีใหญ่ World Brewers Cup ปีหน้าที่ชิคาโก! ในวงการกาแฟตอนนี้ ‘วศิน ชลานุชพงศ์’ ชายที่สวมผ้ากันเปื้อนตรงหน้าเราคนนี้ เขามีหมวกที่ต้องสวมอยู่ 2 ใบด้วยกัน ใบแรกคือการเป็นหนึ่งในผู้บริหารของ NANA Coffee Roasters ร้านกาแฟสเปเชียลตี้ที่ไม่ว่าใครต่อใครก็คุ้นชื่อ งานหลักๆ ของเขาคือการดูแล Online Marketing และ Branding รวมไปถึงการเป็นหัวเรือใหญ่ของร้านแบรนด์ลูกอย่าง Harudot ใบที่สองที่เพิ่งได้สวมเมื่อไม่กี่เดือนก่อน นั่นคือแชมเปี้ยนจากเวทีแข่งขัน Thailand National Brewers Cup Championship 2024 และอย่างที่หลายคนรู้ว่า เกมสำหรับผู้ชนะยังไม่จบ! เพราะเดือนเมษายน 2024 เจ้าตัวจะต้องเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขัน World Brewers Cup Championship 2024 ในเดือนเมษายน 2024 ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา วัดความทุ่มเทและความสามารถกับแชมป์บาริสต้าจากทั่วมุมโลกอีกหนึ่งยก สำหรับแชมป์ประเทศไทยคนนี้ เส้นทางกาแฟจากวันแรกจนถึงวันนี้มีหน้าตาแบบไหน แล้วแพสชันในการแข่งขันของเขาคืออะไร ไปฟังคำตอบจากเจ้าตัวในบทสนทนาด้านล่างนี้กัน Q: คุณเริ่มสนใจกาแฟตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่คุณพ่อ (วรงค์ ชลานุชพงศ์) ก่อตั้ง NANA Coffee Roasters เลยไหม A: ยังเลยครับ NANA Coffee Roasters ก่อตั้งตอนปี 2015 ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ ซึ่งคุณพ่อเขาอยากให้ผมเรียนอย่างเดียว ไม่ได้สนใจกาแฟเลย จนมาช่วงที่ผมทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ช่วงนั้นผมกินกาแฟกระป๋องอยู่เลยนะ จนวันที่ทีมบินมาแข่ง World Siphonist Championship 2018 ที่ญี่ปุ่น (ปีที่แนท-กษมา กันบุญ จาก NANA Coffee Roasters คว้าแชมป์โลก WSC2018 เป็นคนแรกของไทย) ก็ได้ลองสัมผัสบรรยากาศการแข่งครั้งแรกจากที่นั่นก่อน พอช่วงโควิด-19 คุณพ่อก็ถามว่าอยากมาช่วยทำไหม เพราะ NANA ต้องการคนมาดูแลเรื่อง Online Marketing พอญี่ปุ่นล็อกดาวน์ ทำอะไรไม่ได้เลย ก็เลยตัดสินใจกลับไทย พอได้มาช่วยทำก็เหมือนค่อยๆ สัมผัสกาแฟมาเรื่อยๆ สำหรับผมโลกกาแฟเป็นสิ่งที่ใหม่มากๆ Q: ก่อนกลับมาช่วยคุณพ่อดูแลธุรกิจ คุณเคยแข่ง Thailand National Brewers Cup Championship ปี 2017...
Continue reading →